การให้บริการ อัพเดทข้อบังคับและการแจ้งเตือนที่สำคัญ
การแจ้งเตือนที่สำคัญ
ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น. EDT เป็นต้นไป การยกเว้นภาษีแบบ de minimis สำหรับการจัดส่งไปยังสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐจะถูกยกเลิก โดยไม่คำนึงถึงประเทศแหล่งกำเนิดของสินค้า
ต้องการจัดส่งไปยังสหรัฐอเมริกาหรือไม่? คำแนะนำอย่างง่ายเรื่องการเปลี่ยนแปลงภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันสถานการณ์การค้านั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเชี่ยวชาญในการดำเนินพิธีการศุลกากรและการปฏิบัติตามข้อกำหนดมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราอยู่ตรงนี้เพื่อสนับสนุนธุรกิจของคุณในทุกขั้นตอน
ข่าวสารการให้บริการ
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป FedEx ประเทศไทยจะเริ่มให้บริการ หลักฐานการส่งมอบเป็นภาพถ่ายหรือ Picture Proof of Delivery (PPOD) สำหรับลูกค้าปลายทางในประเทศไทยซึ่งเลือกการจัดส่งแบบ “ไม่ต้องมีลายเซ็นผู้รับ” โดยจะได้รับบริการเสริมเพิ่มเติม คือ ภาพถ่ายแสดงตำแหน่งที่จัดส่งพัสดุจริง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ FedEx หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ
บริการ PPOD เป็นบริการเสริมที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และไม่จำเป็นต้องสมัครหรือลงชื่อเข้าใช้บัญชีใดๆ
ข้อยกเว้นที่ PPOD จะไม่ครอบคลุม ได้แก่:
-
กรณีที่พัสดุถูกส่งมอบให้ผู้รับโดยตรง
-
การจัดส่งแบบส่งต่อ (รวมถึงพัสดุที่ต้องมีการเซ็นรับแทน) ไปยังเพื่อนบ้าน
-
การจัดส่งแบบฝากลงนามแทนใน Door Tag
-
การจัดส่งไปยังตู้ล็อกเกอร์ คลังเก็บสินค้า หรือสถานที่ของ FedEx
-
การจัดส่งผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่สาม
-
พัสดุที่ถูกเก็บไว้ที่ศูนย์บริการ (Hold at Location) หรือเปลี่ยนเส้นทางเพื่อเก็บไว้
-
พัสดุที่กำหนดให้ต้องมีการเซ็นรับ
-
ไม่รวมการจัดส่งเชิงพาณิชย์
หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่นี้ โปรดติดต่อทีมบริการลูกค้าของเรา
ตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 เป็นต้นไป ทาง FedEx จะมีการปรับค่าธรรมเนียมการรับพัสดุที่เรียกเก็บจากการเข้ารับพัสดุในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
ค่าธรรมเนียมการเข้ารับพัสดุในต่างประเทศเหล่านี้ขึ้นอยู่กับน้ำมันเชื้อเพลิง และจะต้องเสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการส่งออกตามประเทศต้นทางที่มีการไปรับพัสดุ ซึ่งคือ สหรัฐอเมริกา หรือ แคนาดา
สำหรับบัญชีผู้ชำระเงินที่ลงทะเบียนนอกสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (ยกเว้นจีนแผ่นดินใหญ่) ระบบจะแปลงค่าธรรมเนียมการเข้ารับพัสดุที่มีผลบังคับใช้เป็นสกุลเงินที่เรียกเก็บโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ และจะลงรายการไว้ภายใต้ส่วนใหม่ในใบแจ้งหนี้ของ FedEx ที่ชื่อว่า “ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับบริการ Express” (ตัวอย่าง) คุณสามารถดูอัตราค่าบริการโดยละเอียดที่ใช้กับการเข้ารับพัสดุในสหรัฐอเมริกา (ที่นี่) และในแคนาดา (ที่นี่)
โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์นี้* (ภาษาอังกฤษเท่านั้น)
* ตัวเลือกการรับสินค้าแบบปกติและแบบอัตโนมัติให้บริการเฉพาะลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้นจนกว่าจะมีประกาศแจ้งให้ทราบต่อไป
ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2568 ค่าธรรมเนียมการดำเนินการขาเข้าของสหรัฐอเมริกาจะถูกเรียกเก็บสำหรับการจัดส่งด้วยบริการ FedEx® International Connect Plus ที่นำเข้ามายังสหรัฐอเมริกา
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถไปที่หน้าค่าบริการเพิ่มเติมและข้อมูลอื่นๆ ของ fedex.com
การให้รายละเอียดสินค้าอย่างชัดเจนและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเสมอในการดำเนินการจัดส่งของคุณให้เป็นไปอย่างราบรื่น หากรายละเอียดสินค้าไม่ครบถ้วนหรือคลุมเครือ อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการผ่านพิธีการศุลกากร การเรียกเก็บภาษีและอากรผิดพลาด การปฏิเสธการจัดส่ง หรืออาจมีค่าปรับตามมา
รายละเอียดสินค้าที่ถูกต้องควรระบุอย่างชัดเจนว่า:
-
สินค้าคืออะไร
-
ทำจากวัสดุอะไร
-
ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด
-
ปริมาณและประเทศแหล่งกำเนิด
ตัวอย่างเช่น “children’s toys made of plastic” แทนที่จะระบุเพียง “toys” หรือ “women’s dresses made of 60% cotton 40% polyester” แทนที่จะระบุว่า “clothing”
ด้วยข้อกำหนดด้านกฎระเบียบทั่วโลกที่เข้มงวดมากขึ้น การระบุรายละเอียดสินค้าอย่างถูกต้องและชัดเจนจึงมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ตามข้อกำหนดใหม่ของสหภาพยุโรปในระบบ Import Control System (ICS2) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 การจัดส่งเข้าสู่ยุโรปที่มีรายละเอียดสินค้าไม่ครบถ้วนหรือคลุมเครืออาจถูกปฏิเสธหรือถูกปรับ เช่นเดียวกัน สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐอเมริกา (CBP) ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 โดยจะปฏิเสธการจัดส่งที่มีข้อมูลการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ที่มีคำอธิบายไม่ชัดเจน
FedEx ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงความสำคัญของการให้รายละเอียดสินค้าอย่างชัดเจนและถูกต้องเมื่อสร้างการจัดส่งกับ FedEx เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป คุณจะไม่สามารถออกใบตราส่งทางอากาศ (air waybill) ในเครื่องมือจัดส่งบางรายการของ FedEx ได้ จนกว่าจะระบุรายละเอียดสินค้าที่ถูกต้อง FedEx อาจปฏิเสธการจัดส่ง ณ ต้นทาง หรืออาจระงับการจัดส่งไว้จนกว่าจะได้รับข้อมูลครบถ้วน ข้อกำหนดนี้ใช้กับการจัดส่งไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และครอบคลุมไปยังทุกการจัดส่งระหว่างประเทศของคุณ
เพื่อสนับสนุนคุณ โปรดชมวิดีโอเกี่ยวกับการเขียนรายละเอียดสินค้าอย่างชัดเจนได้ที่นี่ ใน fedex.com นอกจากนี้ คุณยังสามารถดูตัวอย่างคำอธิบายสินค้าที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมจาก CBP ของสหรัฐอเมริกาได้ที่นี่ หรือจากคณะกรรมาธิการยุโรปได้เช่นกันที่นี่
เมื่อมีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้ ใบตราส่งทางอากาศที่เป็นแบบเขียนจะมีระยะเวลาการขนส่งเพิ่มขึ้น 1 วัน เพื่อให้ผลกระทบต่อการจัดส่งของคุณน้อยที่สุด เราขอแนะนำให้คุณใช้เครื่องมือจัดส่งออนไลน์ของ FedEx ในการสร้างการจัดส่ง
หากต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายขายของคุณหรือทีมบริการลูกค้า FedEx
การเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568:
• ค่าธรรมเนียมการดำเนินการขาเข้าของสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นสำหรับการจัดส่งระหว่างประเทศของ FedEx ที่นำเข้ามายังสหรัฐอเมริกา ยกเว้นการจัดส่งด้วยบริการ FedEx® International Connect Plus ซึ่งได้รับการยกเว้นจากค่าธรรมเนียมนี้
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถไปที่หน้า[ค่าบริการเพิ่มเติมและข้อมูลอื่นๆ] ของ fedex.com
การให้บริการของ FedEx ไปยังและจากอิสราเอลกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว การเข้ารับและจัดส่งพัสดุได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง พัสดุที่ถูกกักไว้ที่ต้นทางหรือระหว่างขนส่งจะถูกส่งต่อและส่งมอบถึงมือผู้รับ
ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 FedEx จะมีการเปลี่ยนแปลงค่าบริการเพิ่มเติมบางรายการ
เราขอเรียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมต่อไปนี้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของ FedEx ที่ต้องมีการจัดการหรือการดำเนินการพิเศษ:
• การจัดส่งระหว่างประเทศทั้งหมดที่เกินขนาดและน้ำหนักสูงสุดที่อนุญาตจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจัดส่งพัสดุที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือค่าธรรมเนียมขนส่งสินค้าน้ำหนักมากที่ไม่ได้รับอนุญาต โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา
• เกณฑ์การประเมินของ “ค่าธรรมเนียมสำหรับการจัดการเพิ่มเติม - น้ำหนัก” จะเปลี่ยนเป็น 25 กก. เกณฑ์การประเมินค่าธรรมเนียมการจัดการเพิ่มเติมอื่นๆ ที่ใช้ในปัจจุบันเพื่อกำหนดความเหมาะสมของค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
คลิกที่นี่ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 เป็นต้นไป เราพร้อมให้บริการโซลูชั่น FedEx Surround® Monitoring and Intervention (M&I) สำหรับการติดตามและตรวจสอบกระบวนการขนส่ง
โซลูชัน FedEx Surround® M&I ใช้เทคโนโลยีการขนส่งขั้นสูงเพื่อติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์ พร้อมเข้าดำเนินการทันทีเมื่อจำเป็น และยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยบริการสามระดับ ได้แก่ Select, Preferred และ Premium เครื่องมือแดชบอร์ดจะช่วยให้คุณเห็นสถานะการจัดส่งได้ตามต้องการ และสามารถเพิ่มการจัดการพิเศษสำหรับการขนส่งที่สำคัญของคุณ
คุณสามารถติดต่อตัวแทนฝ่ายขาย เพื่อสมัครใช้ FedEx Surround® M&I โซลูชันสำหรับบริหารจัดการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โปรดคลิกที่นี่ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ FedEx Surround® M&I
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป FedEx เวียดนาม จะเปลี่ยนรูปแบบมาให้บริการโดยตรงหรือ direct serve ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการปรับปรุงคุณภาพการบริการและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของคุณ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้และเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานในเวียดนาม ใบแจ้งหนี้สำหรับการจัดส่งที่ส่งออกจากเวียดนามซึ่งออกโดย FedEx จะรวมส่วนแยกของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ร่วมกับค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอื่นๆ ภาษีมูลค่าเพิ่มจะได้รับการระบุอย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบบริการโดยตรงนี้ยังคงเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อลูกค้าในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ พร้อมทั้งนำเสนอบริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น
พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกับการพัฒนานี้ ซึ่งเป็นก้าวถัดไปบนเส้นทางของเราในเวียดนาม หากคุณมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของ FedEx ของคุณหรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของเรา
เราได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงบริการของเรา และยกระดับประสบการณ์การเรียกชำระเงินออนไลน์ของคุณ ส่วนหนึ่งของความพยายามนี้ เรากำลังดำเนินการอัปเดตที่สำคัญสำหรับการเรียกชำระเงินออนไลน์ของ FedEx (FBO)
ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ใบแจ้งหนี้รูปแบบไฟล์ PDF ที่ดาวน์โหลดจาก FBO จะไม่แสดงข้อความ "This is a copy of the original invoice for your reference." หรือ "นี่คือสำเนาของใบแจ้งหนี้ต้นฉบับสำหรับการอ้างอิงของคุณ" อีกต่อไป
การอัปเดตนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงใบแจ้งหนี้รูปแบบไฟล์ PDF ได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณยังไม่ได้ลงทะเบียนใช้ FBO นี่คือเครื่องมือออนไลน์ที่รวดเร็วและปลอดภัยที่ช่วยให้คุณจัดการใบแจ้งหนี้ FedEx ของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา ลงทะเบียนวันนี้เพื่อใช้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การเรียกเก็บเงินออนไลน์และดาวน์โหลดเอกสาร ตัวเลือกการชำระเงินออนไลน์ที่สะดวกสบาย และการสร้างรายงานใบแจ้งหนี้ที่ปรับแต่งได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FBO โปรดไปที่หน้าการสนับสนุนการเรียกชำระเงิน การออกใบแจ้งหนี้ และการชำระเงินของเรา หรือติดต่อเราที่นี่
เครื่องมือเตรียมการจัดส่งร่วมกัน (Collaborative Shipping Tool) ฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงวิธีเตรียมการจัดส่งนั้นพร้อมให้บริการแล้วบน FedEx Ship ManagerTM
เครื่องมือนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กระบวนการจัดส่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อคุณเริ่มดำเนินการนำเข้าสินค้า โดยช่วยให้คุณสามารถทำงานร่วมกับผู้ส่งสินค้าได้ คุณสามารถแบ่งปันกระบวนการสร้างใบตราส่งสินค้าทางอากาศสำหรับการนำเข้ากับผู้ส่งสินค้า จากนั้นผู้ส่งสินค้าจะสามารถตรวจสอบและแก้ไขรายละเอียดการจัดส่งและกำหนดเวลาในการเข้ารับสินค้าได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพโดยรวมของกระบวนการนำเข้าสินค้า และมอบประสบการณ์การรับสินค้าที่ปราศจากปัญหาสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถควบคุมได้ โดยการกำหนดได้ว่าผู้ส่งจะสามารถแก้ไขหรือเห็นข้อมูลส่วนใดได้บ้าง เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อัตราการจัดส่งและหมายเลขบัญชีจะปลอดภัย
คลิกที่นี่เพื่อค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเตรียมการจัดส่งร่วมกัน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือความช่วยเหลือ โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ FedEx
เรามีความยินดีที่จะแจ้งเกี่ยวกับการควบรวมการให้บริการแชทโดยผู้ช่วยออนไลน์หรือผู้ช่วยเสมือนกับศูนย์สนับสนุนทางเทคนิคของ FedEx APAC! คุณสมบัตินี้ถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ในการบริการของเรากับคุณ
คุณสมบัติหลัก:
การดึงฐานข้อมูลความรู้โดยทันที: การแชทของผู้ช่วยออนไลน์หรือผู้ช่วยเสมือนเชื่อมโยงโดยตรงกับฐานข้อมูลของ fedex.com ทำให้คุณสามารถเข้าถึงคำแนะนำและวิธีแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
การสนับสนุนทางเทคนิคแบบเรียลไทม์: หากการบริการตนเองไม่สามารถแก้ปัญหาได้ คุณสามารถเชื่อมต่อกับวิศวกรสนับสนุนทางเทคนิคของเราได้โดยตรงผ่านผู้ช่วยออนไลน์หรือผู้ช่วยเสมือน ศูนย์สนับสนุนทางเทคนิคของ FedEx เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ในเวลาทำการ
ใช้งานง่าย: ลูกค้าสามารถคลิกที่ช่องแชทที่มุมล่างขวาของหน้าแรกของ FedEx สำหรับคำถามทางเทคนิคใดๆ
การให้บริการแชทโดยผู้ช่วยออนไลน์หรือผู้ช่วยเสมือนช่วยให้คุณค้นหาวิธีแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพียงคลิก “ช่องแชท” เพื่อเริ่มแชท เราพร้อมให้การช่วยเหลือและสนับสนุนทางเทคนิคที่เชื่อถือได้ของคุณ!
คำถามที่พบบ่อยและคำค้นหาอย่างรวดเร็ว:
คำถาม |
คำค้นหา |
ใครเป็นผู้ดูแลระบบของฉัน |
ผู้ดูแลระบบ |
ปิดการยืนยันแบบสองขั้นตอนอย่างไร |
ยืนยันแบบสองขั้นตอน, รหัสยืนยัน |
บัญชีผู้ใช้/ID และรหัสผ่านไม่ถูกต้อง |
เข้าสู่ระบบ, บัญชีผู้ใช้, รหัสผ่าน |
ฉันจะลบบัญชีผู้ใช้ของฉันได้อย่างไร |
ลบ ID, ลบบัญชี |
ไม่ได้รับอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่าน หรือ รหัสยืนยัน |
รหัสผ่าน, พาสเวิร์ด, รีเซ็ต |
ไม่สามารถสรุปการจัดส่งให้เสร็จสมบูรณ์ได้ /ไม่สามารถสร้าง AWB ได้ /การจัดส่งไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากข้อผิดพลาดทางเทคนิค |
สรุปการจัดส่ง ,สร้าง AWB |
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบล่าสุด การรับประกันการคืนเงินจะถูกระงับสำหรับการจัดส่งขาเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกับการจัดส่งตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2568 สำหรับบริการ FedEx ต่อไปนี้:
- FedEx International First®
- FedEx International Priority®
- FedEx International Priority® Express
- FedEx International Priority® Freight
- FedEx International Priority Direct Distribution
- FedEx International Priority Direct Distribution Freight
หากต้องการข้อมูลสถานะการจัดส่งที่เฉพาะเจาะจง โปรดติดตามการจัดส่งของคุณที่ fedex.com หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อกำหนดในการจัดส่งล่าสุดสำหรับการนำเข้าและส่งออก โปรดไปที่ข่าวข้อบังคับบน fedex.com
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในคู่มือการให้บริการ FedEx การจัดส่งล่าช้าเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนหรือเครดิตคืนภายใต้นโยบายการรับประกันคืนเงิน
อัพเดทข้อบังคับการจัดส่ง
ทุกการจัดส่งกับ FedEx ไปยังและส่งออกจากเอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และสโลวีเนีย จะต้องระบุรหัสไปรษณีย์ที่ถูกต้องและครบถ้วน หากไม่มีข้อมูลดังกล่าว คุณจะไม่สามารถสร้างฉลากจัดส่งได้ เราแนะนำให้คุณอัปเดตรายชื่อที่อยู่ของคุณล่วงหน้า ลิงก์ช่วยเหลือมีดังนี้:
ประเทศ/เขตแดน | รูปแบบ | ตัวค้นหารหัสไปรษณีย์ |
เอสโตเนีย | รหัสไปรษณีย์ 5 หลัก | ตัวค้นหารหัสไปรษณีย์ |
ลัตเวีย | รหัสไปรษณีย์ 4 หลัก | ตัวค้นหารหัสไปรษณีย์ |
ลิทัวเนีย | รหัสไปรษณีย์ 5 หลัก | ตัวค้นหารหัสไปรษณีย์ |
สโลวีเนีย | รหัสไปรษณีย์ 4 หลัก | ตัวค้นหารหัสไปรษณีย์ |
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีศุลกากรล่าสุดอาจส่งผลต่อการจัดส่งของคุณเข้าสู่สหรัฐอเมริกา เราจึงมุ่งมั่นที่จะให้แน่ใจว่าการกระบวนการศุลกากรเป็นไปอย่างราบรื่น และให้การสนับสนุนคุณตลอดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
1. ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2568 เป็นต้นไป จำเป็นต้องมีหมายเลขบัญชี FedEx ของผู้ชำระภาษีอากรที่กำหนด สำหรับการจัดส่งพัสดุด้วยบริการ FedEx® International Connect Plus (FICP) ที่มีผลิตภัณฑ์จากประเทศแหล่งกำเนิดใดๆ ในประเทศ/เขตปกครองในเอเชียแปซิฟิก จากประเทศต้นทางใดๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไปยังสหรัฐอเมริกา หากไม่ระบุข้อมูลข้างต้น ผู้เสียภาษีอากรจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นบัญชีของผู้จัดส่งโดยอัตโนมัติ
หมายเลขบัญชี FedEx ของผู้ชำระภาษีอากรที่กำหนด สามารถเป็นได้ทั้งผู้จัดส่ง ผู้รับ หรือบุคคลที่สาม ตราบใดที่หมายเลขบัญชีถูกต้องและได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัญชี หากคุณกำลังส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซ เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณเลือกชำระภาษีอากรผ่านผู้ขาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้ซื้อโดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด และหลีกเลี่ยงความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นจากการชำระเงินเหล่านี้
ตามข้อกำหนดของรหัส H.T.S. ใน FedEx Ship ManagerTM ที่ fedex.com จำเป็นต้องใช้รหัส H.T.S. อย่างน้อย 6 หลัก และรหัสดังกล่าวจะได้รับการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ โปรดทราบว่าเป็นข้อกำหนดของ CBP ของสหรัฐอเมริกาที่จะต้องระบุรหัส H.T.S. ที่ถูกต้อง 10 หลัก
ข้อกำหนดรหัสของรหัส H.T.S. จะอยู่ที่ระดับการจัดส่ง กล่าวคือ หากสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งในการจัดส่งมาจากประเทศแหล่งกำเนิดต้นทางของประเทศ/เขตปกครองใดๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สินค้าชิ้นอื่นๆ ในการจัดส่งจะต้องใช้รหัส H.T.S. มิฉะนั้นจะไม่สามารถสร้างการจัดส่งได้
เพียงป้อนคำสำคัญของสินค้า ลูกค้าก็สามารถค้นหารหัส H.T.S. ได้อย่างรวดเร็วผ่านฟังก์ชันการค้นหาขั้นสูงใน FedEx Ship Manager™ ที่ fedex.com หรืออีกทางเลือกหนึ่ง FedEx Global Trade Manager ที่ fedex.com ก็มีตัวเลือกการค้นหารหัส H.T.S. เช่นกัน (ดูคู่มือผู้ใช้ได้ที่นี่)
2. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ค่าภาษีศุลกากรและ/หรือค่าดำเนินพิธีการศุลกากร (brokerage fee) จะถูกหักออกจากมูลค่าที่ระบุในใบขนสินค้าแบบ DDP (Delivered Duty Paid) เฉพาะในกรณีที่ ค่าภาษีและ/หรือค่าดำเนินการเหล่านี้ ถูกแยกรายการไว้อย่างชัดเจนในใบกำกับสินค้า (commercial invoice) เท่านั้น หากไม่มีการแยกรายการไว้ เราจะดำเนินการจัดส่งโดยใช้มูลค่าทั้งหมดตามที่ระบุไว้โดย ไม่หักค่าภาษีหรือค่าดำเนินการออก ซึ่งอาจส่งผลให้คุณต้องเสียค่าภาษีและ/หรือค่าดำเนินการสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น:
สถานการณ์ที่ 1: ใบกำกับสินค้ามีการแยกรายการ "ภาษีนำเข้า" และ/หรือ "ค่าดำเนินการศุลกากร" ไว้ชัดเจน | สถานการณ์ที่ 2: ใบกำกับสินค้าไม่ได้แยกรายการภาษีหรือค่าดำเนินการ | ||
รายการสินค้า | มูลค่า (USD) | รายการสินค้า | มูลค่า (USD) |
1 ของเล่น (Toy) | 1,600 | 1 ของเล่น (Toy) | 2,000 |
- ภาษีนำเข้า 25% | 400 | ||
2 ขวดน้ำ (Water bottles) | 500 | 2 ขวดน้ำ (Water bottles) | 625 |
- ภาษีนำเข้า 25% | 125 | ||
มูลค่าศุลกากรรวม | 2,100 | มูลค่าศุลกากรรวม | 2,625 |
รวมภาษีนำเข้า(USD400+125) | 525 | รวมภาษีนำเข้า(USD2,625*25%) | 656 (สูงกว่าสถานการณ์ที่ 1 อยู่ 131 USD) |
เครื่องมือสนับสนุนของ FedEx
เพื่อช่วยคุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เราจึงขอแนะนำเครื่องมือสนับสนุนต่อไปนี้สำหรับคุณ:
-
ประมาณการอากรและภาษี: ใช้ FedEx Global Trade Manager at fedex.com เพื่อประเมินภาษีและอากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของคุณ โปรดคลิกที่นี่เพื่อเริ่มต้น
-
ลูกค้าที่ใช้ FedEx API สามารถเพิ่ม Rate API เพื่อรับประมาณการภาษีและอากร สำหรับความช่วยเหลือด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ FedEx API โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายเทคโนโลยีลูกค้าในพื้นที่ของคุณ หรือส่งอีเมลถึงทีมสนับสนุน APAC FedEx API ที่ apacfedexapi@fedex.com
-
ศูนย์ข้อมูลภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา:เข้าถึงเว็บไซต์เฉพาะของเราเพื่อรับข้อมูลอัปเดตล่าสุด เคล็ดลับ และโซลูชันเฉพาะที่จะช่วยให้คุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภาษีศุลกากรได้อย่างง่ายดาย
FedEx มุ่งมั่นที่จะมอบการสนับสนุนและบริการอย่างดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา เราพร้อมให้ความช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนขณะที่คุณปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ขอขอบคุณที่เลือก FedEx เพราะความพึงพอใจของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา
เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน โปรดติดตามข้อมูลอัปเดตได้ที่ fedex.com
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีศุลกากรล่าสุดที่อาจส่งผลต่อการจัดส่งของคุณไปยังสหรัฐอเมริกา เราจึงมุ่งมั่นที่จะให้แน่ใจว่าการดำเนินพิธีการศุลกากรจะราบรื่นและสนับสนุนคุณตลอดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
- เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบ เราจะใช้โครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าสำหรับค่าธรรมเนียมการเบิกจ่ายและค่าธรรมเนียมการส่งต่อภาษีและอากรสำหรับการจัดส่งที่มีมูลค่า 800 เหรียญสหรัฐหรือต่ำกว่า นำเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา:
ค่าธรรมเนียม
|
ก่อนวันที่ 2 พฤษภาคม 2568
|
ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม เป็นต้นไป
|
ค่าธรรมเนียมการเบิกจ่าย |
14 เหรียญสหรัฐ หรือ 2% ของภาษีและอากร และค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า1 (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) |
มูลค่าศุลกากร ≤ 800 เหรียญสหรัฐ: 4.50 เหรียญสหรัฐ หรือ 2% ของภาษีและอากรและค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) มูลค่าศุลกากร > 800 เหรียญสหรัฐ: 14 เหรียญสหรัฐ หรือ 2% ของภาษีและอากรและค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
|
ค่าธรรมเนียมการส่งต่อภาษีอากร |
27 เหรียญสหรัฐ หรือ 2% ของภาษีและอากร และค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) |
มูลค่าศุลกากร ≤ 800 เหรียญสหรัฐ: 8.50 เหรียญสหรัฐ หรือ 2% ของภาษีและอากรและค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) มูลค่าศุลกากร > 800 เหรียญสหรัฐ: 27 เหรียญสหรัฐ หรือ 2% ของภาษีและอากรและค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
|
1 ค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้าจะต้องชำระเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนำเข้าศุลกากรเพื่อชดเชยการดำเนินงานของ CBP ของสหรัฐฯ และสนับสนุนการจัดสรรประจำปี
- Informal entry: MPF1: ขั้นต่ำ 2.62 เหรียญสหรัฐ หรือ 0.3464% ของมูลค่าศุลกากร
- Formal entry: MPF: ขั้นต่ำ 32.71 เหรียญสหรัฐ, 0.3464% ของมูลค่าศุลกากร หรือสูงสุด 634.62 เหรียญสหรัฐ
- เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2568 เป็นต้นไป เมื่อส่งสินค้าโดยใช้บริการ FedEx® International Connect Plus (FICP) ที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หรือเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง ไปยังสหรัฐอเมริกา คุณจะต้องระบุหมายเลขบัญชี FedEx ที่ถูกต้อง (“D&T Account”) เพื่อชำระภาษีและอากร หากผู้ส่งไม่ได้ให้ข้อมูล D&T Account ผู้ชำระภาษีและอากรจะถูกปรับเปลี่ยนไปยังบัญชี FedEx ของผู้ส่งโดยอัตโนมัติ
โปรดทราบว่า: สำหรับการจัดส่งสินค้าที่มีประเทศแหล่งกำเนิดจากจีนหรือเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกงไปยังสหรัฐอเมริกา หากข้อมูลที่จำเป็น เช่น รหัส MID หรือรหัส H.T.S. 10 หลัก ขาดหายไป เราจะติดต่อลูกค้าเพื่อขอข้อมูลที่ขาดหายไป การจัดส่งที่ไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องจะทำให้เกิดความล่าช้าทางศุลกากรหรือมีการส่งคืนสินค้า
- งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป จะไม่สามารถสร้างใบส่งสินค้าทางอากาศ (Air waybill) โดยใช้เครื่องมือการจัดส่งที่เลือกไว้ได้ หากไม่ได้ให้ข้อมูลที่จำเป็นตามรายละเอียดด้านล่าง
ประเทศต้นกำเนิดของสินค้า
|
บริการ FedEx
|
เครื่องมือการจัดส่ง
|
ข้อมูลที่จำเป็น
|
ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หรือเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง
|
FedEx® International Connect Plus (FICP)
|
FedEx Web Services และ FedEx API
|
หมายเลขบัญชี FedEx สำหรับการชำระภาษีอากร
|
FedEx Ship Manager™ ที่ fedex.com
|
หมายเลขบัญชี FedEx สำหรับการชำระภาษีอากร และรหัส H.T.S.
|
||
บริการอื่นๆ
|
FedEx Ship Manager™ ที่ fedex.com
|
รหัส H.T.S.
|
|
(ใหม่) ประเทศ/เขตปกครองที่เหลือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
|
บริการทั้งหมด
|
FedEx Ship Manager™ ที่ fedex.com
|
รหัส H.T.S.
|
เพียงป้อนคำสำคัญของสินค้า ลูกค้าสามารถค้นหารหัส H.T.S. ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ฟังก์ชันการค้นหาที่ถูกปรับปรุง (คู่มือผู้ใช้ที่นี่) ใน FedEx Ship ManagerTM ที่ fedex.com นอกจากนี้ FedEx Global Trade Manager ที่ fedex.com ยังมีตัวเลือกการค้นหารหัส H.T.S. อีกด้วย (คู่มือผู้ใช้ที่นี่)
เครื่องมือสนับสนุนของ FedEx
เพื่อช่วยคุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เราจึงขอแนะนำเครื่องมือสนับสนุนต่อไปนี้สำหรับคุณ:
- ประมาณการอากรและภาษี:
- ใช้ FedEx Global Trade Manager at fedex.comเพื่อประเมินภาษีและอากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของคุณ โปรดคลิกที่นี่เพื่อเริ่มต้น
- ลูกค้าที่ใช้ FedEx API สามารถเพิ่ม Rate API เพื่อรับประมาณการภาษีและอากร สำหรับความช่วยเหลือด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ FedEx API โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายเทคโนโลยีลูกค้าในพื้นที่ของคุณ หรือส่งอีเมลถึงทีมสนับสนุน APAC FedEx API ที่ apacfedexapi@fedex.com
- ศูนย์ข้อมูลภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา:เข้าถึงเว็บไซต์เฉพาะของเราเพื่อรับข้อมูลอัปเดตล่าสุด เคล็ดลับ และโซลูชันเฉพาะที่จะช่วยให้คุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภาษีศุลกากรได้อย่างง่ายดาย
FedEx มุ่งมั่นที่จะมอบการสนับสนุนและบริการอย่างดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา เราพร้อมให้ความช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนขณะที่คุณปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ขอขอบคุณที่เลือก FedEx เพราะความพึงพอใจของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา
เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน โปรดติดตามข้อมูลอัปเดตได้ที่ fedex.com
อัตราภาษีต่างตอบแทนที่ใช้กับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน เขตบริหารพิเศษจีนฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษจีนมาเก๊า จะยังคงอยู่ที่ 10% ต่อไปอีก 90 วัน คือจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ในระหว่างนี้ อัตราภาษีต่างตอบแทน IEEPA 10% เดิมและอัตราภาษีเฟนทานิล IEEPA 20% จะยังคงมีผลบังคับใช้อยู่
มีผลตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น. (EDT) การยกเว้นภาษีแบบ de minimis จะถูกยกเลิกโดยไม่คำนึงถึงประเทศต้นกำเนิดของสินค้า โดยได้ยกเลิกการยกเว้นนี้กับสินค้าจากจีนและเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568
มีผลตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น. (EDT) อัตราภาษีต่างตอบแทนจะเปลี่ยนจาก 10% เป็นอัตราที่สูงขึ้นสำหรับบางประเทศ/เขตปกครอง ดังนี้:
-
คำสั่งฝ่ายบริหารวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 กำหนดอัตราภาษีต่างตอบแทนใหม่สำหรับประเทศและเขตปกครองในภาคผนวก1 ตั้งแต่ 10% ถึง 41% กรุณาดูรายละเอียดที่นี่
-
สำหรับประเทศและเขตปกครองอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในภาคผนวก 1 จะใช้อัตราภาษีต่างตอบแทนที่ 10%
-
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีต่างตอบแทนสำหรับสินค้าจากจีน เขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง และเขตปกครองพิเศษจีนมาเก๊า
เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กรุณาติดตามอัปเดตล่าสุดที่ fedex.com เยี่ยมชมศูนย์ข้อมูลภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ของเราเพื่อรับทราบข้อมูลสำคัญในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ
คำแนะนำของเราสำหรับลูกค้าเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าทางศุลกากร
ลูกค้าที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ควรระบุข้อมูลที่จำเป็นดังต่อไปนี้บนใบตราส่งสินค้าทางอากาศและ/หรือใบกำกับสินค้าเชิงพาณิชย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าทางศุลกากร:
-
คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าจัดส่งบนใบตราส่งสินค้าทางอากาศ:
-
ผลิตภัณฑ์คืออะไร
-
มีจำนวนเท่าไหร่
-
ทำมาจากอะไร
-
มีวัตถุประสงค์การใช้งานอะไร
-
ประเทศผู้ผลิตคือประเทศอะไร
-
รหัส H.T.S. 10 หลัก สำหรับการประมาณการภาษีและอากรที่ถูกต้องบนใบตราส่งสินค้าทางอากาศ
-
สามารถดูรหัส HS ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องมีข้อมูลรหัส MID ได้ที่นี่
-
ลูกค้าสามารถใช้ FedEx Global Trade Manager at fedex.com เพื่อประเมินภาษีและอากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของคุณ สามารถดูคู่มือผู้ใช้ได้ที่นี่
-
ลูกค้าที่ใช้ FedEx API สามารถเพิ่ม Rate API เพื่อรับการประเมินภาษีและอากร หากต้องการความช่วยเหลือด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ FedEx API โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายเทคโนโลยีลูกค้าในพื้นที่ของคุณหรือส่งอีเมลถึงทีมสนับสนุน APAC FedEx API ได้ที่ apacfedexapi@fedex.com
-
รหัสประจำตัวผู้ผลิต (MID) สำหรับการจัดส่งเพื่อการพาณิชย์ตามที่ระบุไว้ในใบส่งสินค้าทางอากาศและใบแจ้งหนี้ทางการค้านั้นจำเป็นสำหรับ:
-
ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพื่อการพาณิชย์บางประเภทโดยไม่คำนึงถึงมูลค่าศุลกากรหรือแหล่งกำเนิด:
-
ไม่จำเป็นต้องมี MID สำหรับการจัดส่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพื่อการใช้ส่วนบุคคล
-
การใช้งานส่วนบุคคลหมายถึง:
-
เอกสารศุลกากรระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นสินค้าสำหรับการใช้ส่วนบุคคล "Personal Use goods” หรือ
-
การนำเข้าแบบไม่เป็นทางการ หรือ informal entry ไม่เกินสิบ (10) ชิ้นสำหรับเสื้อผ้าแต่ละแบบ และส่งไปยังบุคคลที่ระบุชื่อและที่อยู่ที่เป็นที่พักอาศัย
-
-
-
-
สินค้าตัวแทนรัฐบาลคู่ค้าบางรายการ เช่น สินค้าที่ควบคุมโดย FDA
หมายเหตุ: รหัส H.S. เฉพาะของสินค้า/รายการอาจยังต้องใช้รหัส MID แม้ว่าจะถือว่าไม่จำเป็นก็ตาม รหัส H.S. ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องใช้ข้อมูลรหัส MID สามารถดูได้ที่นี่
-
จำเป็นต้องมีหมายเลขประจำตัวนายจ้าง (EIN) หรือหมายเลขประกันสังคม (SSN) ของผู้รับสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องดำเนินพิธีการศุลกากรแบบทางการ (formal entry) หากขาดหมายเลข EIN หรือ SSN ของผู้รับสินค้า สินค้าจะถูกกักโดยศุลกากรของสหรัฐฯ และส่งคืนให้กับผู้ส่ง ลูกค้าควรป้อนหมายเลข EIN หรือ SSN ของผู้รับสินค้าในช่องหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในเครื่องมือจัดส่งของ FedEx
หากข้อมูลที่ส่งไปเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนอาจทำให้เกิดความล่าช้า
เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน โปรดติดตามข้อมูลอัปเดตได้ที่ fedex.com
คำถามที่พบบ่อย 1: รหัสประจำตัวผู้ผลิต (รหัส MID) คืออะไร
รหัส MID เป็นหนึ่งในข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินพิธีการนำเข้าในสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้เป็นทางเลือกแทนชื่อเต็มและที่อยู่ของผู้ผลิต ผู้จัดส่ง หรือผู้ส่งออก และจำเป็นเสมอสำหรับการผ่านพิธีการศุลกากรอย่างเป็นทางการของสหรัฐอเมริกา รหัส MID จะต้องแสดงบนใบกำกับสินค้าเพื่อการนำเข้าสหรัฐอเมริกา
รหัส MID ใช้กับเอกสารที่นำเสนอต่อสำนักงานศุลกากรและพิทักษ์ชายแดนสหรัฐอเมริกา (CBP) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) และผู้รับสินค้า
สามารถดูรหัส HS ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องมีข้อมูลรหัส MID ได้ที่นี่
คำถามที่พบบ่อย 2: จะระบุสินค้าที่ควบคุมโดย FDA ได้อย่างไร
คุณสามารถค้นหาสินค้าที่ควบคุมโดย FDA ได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FDA ที่นี่
คำถามที่พบบ่อย 3: ฉันจะสร้างรหัสประจำตัวผู้ผลิต (รหัส MID) สำหรับการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและป้อนข้อมูลลงในเครื่องมือจัดส่งของ FedEx ได้อย่างไร
โปรดดูคู่มือทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีการใช้ ที่ศูนย์ข้อมูลภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกาได้ที่นี่
ในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 สำนักงานศุลกากรและปกป้องชายแดนสหรัฐฯ (CBP) จะเปิดตัวระบบ Automated Commercial Environment (ACE) เวอร์ชันใหม่ การปรับปรุงนี้จะทำให้ CBP สามารถบังคับใช้เกณฑ์ขั้นต่ำของพัสดุที่เข้าเกณฑ์ได้รับยกเว้นภาษี (de-minimis) โดยอัตโนมัติ สำหรับการนำเข้ามูลค่ารวมไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อวัน โปรดทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศที่ถูกนำออกจากข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการปลอดภาษีแล้วนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรการเสริมนี้ และควรได้รับการดำเนินพิธีการศุลกากรนำเข้าอย่างไม่เป็นทางการ (informal) หรือทางการ (formal) สามารถนำเข้ามาได้โดยไม่ต้องเสียภาษีอากรและภาษีนำเข้า ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้า FedEx ทราบว่าหากมูลค่ารวมของพัสดุนำเข้าต่อวันเกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องมีการยื่นดำเนินการศุลกากรอย่างไม่เป็นทางการ (informal) หรือเป็นทางการ (formal) รวมถึงชำระภาษีอากร และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และอาจส่งผลให้พัสดุล่าช้าได้
สิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า
เพื่อให้พัสดุของคุณผ่านพิธีศุลกากรอย่างราบรื่น FedEx ขอแนะนำขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้:
-
โปรดระบุรายละเอียดสินค้าที่ชัดเจนเมื่อจัดส่งกับ FedEx
-
หลักเกณฑ์ของ CBP ต้องมีคำอธิบายสินค้าอย่างละเอียด มูลค่าและสกุลเงินที่แน่นอน ข้อมูลผู้ส่งและผู้รับ รวมถึงรหัส HS (หากจำเป็น)
-
คำอธิบายสินค้าที่คลุมเครือจะผิดข้อกำหนดของ CBP และอาจทำให้ล่าช้า
-
-
โปรดตรวจสอบว่าคุณใช้ซอฟต์แวร์จัดส่ง FedEx เวอร์ชันล่าสุด
-
หากพัสดุนำเข้าจัดส่งไปยังศูนย์โลจิสติกส์:
-
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ CBP (ลิงก์ข้อมูลด้านล่าง) ขณะสร้างพัสดุ รวมถึงระบุชื่อผู้รับเป็น “[ชื่อเจ้าของสินค้า] c/o [ชื่อศูนย์ fulfillment]”
-
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อผู้ดูแลบัญชีของคุณ
-
ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมใช่ไหม
โปรดดูแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก CBP ดังต่อไปนี้:
-
ประกาศอย่างเป็นทางการของ CBP เกี่ยวกับการอัปเดตนี้: https://content.govdelivery.com/bulletins/gd/USDHSCBP-3e76f27?wgt_ref=USDHSCBP_WIDGET_2
-
คู่มือ CBP เกี่ยวกับกฎสำหรับคลังสินค้าและศูนย์ fulfillment: https://www.cbp.gov/sites/default/files/assets/documents/2021-Feb/Administrative%20Ruling%20One-Pager_02122021.pdf
-
ข้อบังคับของ CBP เกี่ยวกับวงเงินปลอดภาษี 800 ดอลลาร์สหรัฐ: https://www.ecfr.gov/current/title-19/section-10.151
หากมีคำถาม กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ FedEx หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงก์ด้านบน
เราขอแจ้งข้อมูลอัปเดตสำคัญเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตราย (DG) โดยขณะนี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) กำหนดให้ผู้ส่งสินค้าและผู้รับจัดการขนส่งสินค้าอันตราย (DG) ทั้งหมด รวมถึงสินค้าที่ได้รับการยกเว้นบางส่วน เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมและสารชีวภาพ ต้องขึ้นทะเบียนผู้ดำเนินการวัตถุอันตรายภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568
หากไม่ลงทะเบียนตามกำหนด จะไม่สามารถขนส่งสินค้าอันตรายทางอากาศได้ ซึ่งรวมถึงสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องมี DGD (Dangerous Goods Declaration) แต่ยังถือว่าเป็น DG ตามระเบียบของ CAAT
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือความช่วยเหลือเกี่ยวกับการลงทะเบียน โปรดไปที่เว็บไซต์ของ CAAT หรือติดต่อทีมบริการลูกค้าของเรา
เรายินดีที่จะเรียนให้ทราบว่า FedEx Ship ManagerTM ที่ fedex.com ได้ปรับปรุงฟังก์ชันล่าสุดด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ลูกค้าของเราสามารถค้นหารหัส H.S./H.T.S. ที่แม่นยำสำหรับการจัดส่งระหว่างประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้นและป้องกันการล่าช้าของศุลกากร ฟีเจอร์ใหม่จะทยอยเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2568
เพียงแค่ป้อนคำหลักของสินค้า ลูกค้าก็สามารถค้นหารหัส H.T.S. ได้อย่างรวดเร็วผ่านฟังก์ชันการค้นหาที่ปรับปรุงใหม่ใน FedEx Ship ManagerTM ที่ fedex.com (คู่มือผู้ใช้ที่นี่) หรือเลือกใช้ตัวเลือกการค้นหารหัส H.T.S. ที่ FedEx Global Trade Manager ที่ fedex.com (คู่มือผู้ใช้ที่นี่)
โปรดทราบว่าเมื่อจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนและเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกงไปยังสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องระบุรหัส H.T.S. ที่ถูกต้อง ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับไม่ว่าจะมีต้นทางจัดส่งจากที่ใด หากไม่ระบุรหัส H.T.S. จะไม่สามารถสร้างใบตราส่งสินค้าทางอากาศหรือ Air waybill จากเครื่องมือจัดส่งบางเครื่องมือได้ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ราบรื่น เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลข้างต้นเพื่อให้ได้รหัส H.T.S. ที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงการล่าช้าของศุลกากร
เข้าไปที่เว็บไซต์ที่เราจัดทำขึ้นเฉพาะเพื่อรับข้อมูลอัปเดตล่าสุด เคล็ดลับ และโซลูชันที่ปรับแต่งได้เพื่อช่วยให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีได้อย่างง่ายดาย
FedEx มุ่งมั่นที่จะมอบการสนับสนุนและบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าของเรา เราพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณทุกขั้นตอนในขณะที่คุณปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของ FedEx ความพึงพอใจของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา
เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน โปรดติดตามข้อมูลอัปเดตได้ที่ fedex.com
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT
- ภาษีศุลกากรต่างตอบแทนที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดสินค้าจากจีน เขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง และเขตปกครองพิเศษจีนมาเก๊า จะลดลงจาก 125% เหลือ 10% เป็นเวลา 90 วัน
- ภาษีศุลกากรอื่นๆ ยังคงมีผลบังคับใช้ รวมถึงรายการต่อไปนี้ ภาษีศุลกากรยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราภาษีทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์:
- ภาษีศุลกากรเฟนทานิล IEEPA (20%)
- ภาษีศุลกากรพื้นฐาน
- ภาษีศุลกากรตามมาตรา 232
- ภาษีศุลกากรตามมาตรา 301
- ภาษีศุลกากรอื่นๆ ที่อาจใช้กับผลิตภัณฑ์เฉพาะ
- มาตรการยกเว้นอากรศุลกากรขั้นต่ำ de minimis สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดสินค้าจากจีนและเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกงจะไม่ได้รับการคืนสถานะ
ภาษีศุลกากรตอบโต้ของจีนสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีประเทศต้นทางจากสหรัฐอเมริกาจะลดลงจาก 125% เหลือ 34% โดย 34% ของภาษีนำเข้านั้น 24% จะถูกระงับเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งหมายความว่าจะเหลือเพียง 10% เท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้ในระหว่างนี้ โดยจะมีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 (จะประกาศเวลาที่แน่นอนในภายหลัง) ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษีนำเข้าจะถูกระงับหรือยกเลิกตามประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐบาล
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT
- จะไม่มีการนำมาตรการปลอดภาษีขั้นต่ำ หรือ de minimis สำหรับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดสินค้าจากจีนและเขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่นำเข้าสู่สหรัฐอเมริกาโดยไม่คำนึงถึงต้นทางการจัดส่ง ยกเว้นสินค้าที่ส่งผ่านเครือข่ายไปรษณีย์
- เกณฑ์การเข้าอย่างเป็นทางการหรือ formal entry ไม่ว่าแหล่งกำเนิดของสินค้าจะเป็นที่ใดก็ตามได้รับการปรับเป็น 2,500 เหรียญสหรัฐ
- ยังคงอนุญาตให้ใช้ De minimis ได้สำหรับประเทศอื่นๆ “จนกว่าจะได้รับแจ้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ประธานาธิบดีทราบว่ามีระบบที่เหมาะสมในการประมวลผลและจัดเก็บรายได้จากอากรศุลกากรที่บังคับใช้ตามมาตรานี้สำหรับสินค้าที่เข้าข่ายได้รับการปฏิบัติแบบ de minimis ได้อย่างครบถ้วนและรวดเร็ว”
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ตามเวลา EDT ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อประกาศภาษีศุลกากรใหม่และปรับเกณฑ์ de minimis หรือการยกเว้นอากรศุลกากรดังต่อไปนี้
-
ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีประเทศต้นทางจากทุกประเทศ/เขตการปกครอง ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก นอกเหนือจากอากรและภาษี ค่าธรรมเนียม และอื่นๆ ที่มีอยู่
-
ตามบันทึกข้อตกลงของประธานาธิบดีวันที่ 11 เมษายน 2568 ตามเวลา EDT ผลิตภัณฑ์ "เซมิคอนดักเตอร์" และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (ที่มีรหัส HTSUS เฉพาะที่ระบุไว้ในนั้น) ได้รับการยกเว้นจากภาษีศุลกากรต่างตอบแทน โดยจะมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 ภาษีศุลกากรที่ได้รับการยกเว้นนี้รวมถึง 10% สำหรับทุกประเทศ/เขตปกครองที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน 2568 และภาษีศุลกากรต่างตอบแทนที่แตกต่างกันแต่ละประเทศที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 (ซึ่งต่อมาถูกระงับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2568 สำหรับทุกประเทศ ยกเว้นประเทศจีน เขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง และเขตปกครองพิเศษจีนมาเก๊า) โปรดทราบว่าจีนและเขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกงยังคงต้องเสียภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับสารเฟนทานิล 20% ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์/มีนาคม 2568
-
ภาษีศุลกากรต่างตอบแทนใดๆ ที่ถูกเรียกเก็บในหรือหลังวันที่ 5 เมษายน 2568 เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT จากการนำเข้า "เซมิคอนดักเตอร์" และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จะต้องได้รับการคืนเงินตามขั้นตอนมาตรฐานของ CBP สำหรับการคืนเงินดังกล่าว
-
ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT
- การเรียกเก็บอัตราภาษีศุลกากรแต่ละประเทศสำหรับ 57 ประเทศและเขตปกครองจะเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็นอัตราที่กำหนดในใบภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal tariff) เราจะแจ้งวิธีการคำนวณภาษีศุลกากรเพิ่มเติมเหล่านี้โดยเร็วที่สุด
- อัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทนที่ใช้กับจีน เขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง และเขตปกครองพิเศษจีนมาเก๊า เพิ่มขึ้นจาก 34% เป็น 84%
-
ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2568 เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT
- อัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทนที่ใช้กับจีน เขตปกครองพิเศษจีนฮ่องกง และเขตปกครองพิเศษจีนมาเก๊า เพิ่มขึ้นจาก 84% เป็น 125%
- อัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทนที่ปรับใช้เป็นรายประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีต้นกำเนิดจากส่วนอื่นๆ ของโลกจะถูกระงับ ป็นเวลา 90 วันถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2568โดยอัตราภาษีศุลกากร 10% ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
-
สินค้าบางรายการจะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรต่างตอบแทน ได้แก่:
- รายการที่อยู่ภายใต้ 50 USC 1702(b) (รวมถึง เช่น การบริจาคบางประเภทและเอกสารข้อมูลบางประเภท);
- สินค้าเหล็ก/อลูมิเนียม และรถยนต์/ชิ้นส่วนรถยนต์ที่อยู่ภายใต้ภาษีศุลกากรตามมาตรา 232 แล้ว
- ทองแดง ผลิตภัณฑ์ยา เซมิคอนดักเตอร์ และไม้แปรรูป
- รายการทั้งหมดที่อาจต้องอยู่ภายใต้ภาษีศุลกากรตามมาตรา 232 ในอนาคต
- ทองคำแท่ง; และ
- พลังงานและแร่ธาตุอื่น ๆ บางชนิดที่ไม่มีในสหรัฐอเมริกา
-
ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม เวลา 00:01 น. ตามเวลา EDT เป็นต้นไป จะไม่มีการนำมาตรการปลอดภาษีขั้นต่ำ หรือ de minimis สำหรับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดสินค้าจากจีนและเขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่นำเข้าสู่สหรัฐอเมริกาโดยไม่คำนึงถึงต้นทางการจัดส่ง ยกเว้นสินค้าที่ส่งผ่านเครือข่ายไปรษณีย์
-
เกณฑ์การเข้าอย่างเป็นทางการหรือ formal entry ไม่ว่าแหล่งกำเนิดของสินค้าจะเป็นที่ใดก็ตามได้รับการปรับเป็น 2,500 เหรียญสหรัฐ
-
ยังคงอนุญาตให้ใช้ De minimis ได้สำหรับประเทศอื่นๆ “จนกว่าจะได้รับแจ้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ประธานาธิบดีทราบว่ามีระบบที่เหมาะสมในการประมวลผลและจัดเก็บรายได้จากอากรศุลกากรที่บังคับใช้ตามมาตรานี้สำหรับสินค้าที่เข้าข่ายได้รับการปฏิบัติแบบ de minimis ได้อย่างครบถ้วนและรวดเร็ว”
คำแนะนำของเราสำหรับลูกค้าเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าทางศุลกากร
ลูกค้าที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ควรระบุข้อมูลที่จำเป็นดังต่อไปนี้บนใบตราส่งสินค้าทางอากาศและ/หรือใบกำกับสินค้าเชิงพาณิชย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าทางศุลกากร:
-
คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าจัดส่งบนใบตราส่งสินค้าทางอากาศ:
-
ผลิตภัณฑ์คืออะไร
-
มีจำนวนเท่าไหร่
-
ทำมาจากอะไร
-
มีวัตถุประสงค์การใช้งานอะไร
-
ประเทศผู้ผลิตคือประเทศอะไร
-
รหัส H.T.S. 10 หลัก สำหรับการประมาณการภาษีและอากรที่ถูกต้องบนใบตราส่งสินค้าทางอากาศ
-
สามารถดูรหัส HS ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องมีข้อมูลรหัส MID ได้ที่นี่
-
ลูกค้าสามารถใช้ FedEx Global Trade Manager at fedex.com เพื่อประเมินภาษีและอากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของคุณ สามารถดูคู่มือผู้ใช้ได้ที่นี่
-
ลูกค้าที่ใช้ FedEx API สามารถเพิ่ม Rate API เพื่อรับการประเมินภาษีและอากร หากต้องการความช่วยเหลือด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ FedEx API โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายเทคโนโลยีลูกค้าในพื้นที่ของคุณหรือส่งอีเมลถึงทีมสนับสนุน APAC FedEx API ได้ที่ apacfedexapi@fedex.com
-
รหัสประจำตัวผู้ผลิต (MID) สำหรับการจัดส่งเพื่อการพาณิชย์ตามที่ระบุไว้ในใบส่งสินค้าทางอากาศและใบแจ้งหนี้ทางการค้านั้นจำเป็นสำหรับ:
-
ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพื่อการพาณิชย์บางประเภทโดยไม่คำนึงถึงมูลค่าศุลกากรหรือแหล่งกำเนิด:
-
ไม่จำเป็นต้องมี MID สำหรับการจัดส่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพื่อการใช้ส่วนบุคคล
-
การใช้งานส่วนบุคคลหมายถึง:
-
เอกสารศุลกากรระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นสินค้าสำหรับการใช้ส่วนบุคคล "Personal Use goods” หรือ
-
การนำเข้าแบบไม่เป็นทางการ หรือ informal entry ไม่เกินสิบ (10) ชิ้นสำหรับเสื้อผ้าแต่ละแบบ และส่งไปยังบุคคลที่ระบุชื่อและที่อยู่ที่เป็นที่พักอาศัย
-
-
-
-
สินค้าตัวแทนรัฐบาลคู่ค้าบางรายการ เช่น สินค้าที่ควบคุมโดย FDA
หมายเหตุ: รหัส H.S. เฉพาะของสินค้า/รายการอาจยังต้องใช้รหัส MID แม้ว่าจะถือว่าไม่จำเป็นก็ตาม รหัส H.S. ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องใช้ข้อมูลรหัส MID สามารถดูได้ที่นี่
-
จำเป็นต้องมีหมายเลขประจำตัวนายจ้าง (EIN) หรือหมายเลขประกันสังคม (SSN) ของผู้รับสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องดำเนินพิธีการศุลกากรแบบทางการ (formal entry) หากขาดหมายเลข EIN หรือ SSN ของผู้รับสินค้า สินค้าจะถูกกักโดยศุลกากรของสหรัฐฯ และส่งคืนให้กับผู้ส่ง ลูกค้าควรป้อนหมายเลข EIN หรือ SSN ของผู้รับสินค้าในช่องหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในเครื่องมือจัดส่งของ FedEx
หากข้อมูลที่ส่งไปเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนอาจทำให้เกิดความล่าช้า
เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน โปรดติดตามข้อมูลอัปเดตได้ที่ fedex.com
คำถามที่พบบ่อย 1: รหัสประจำตัวผู้ผลิต (รหัส MID) คืออะไร
รหัส MID เป็นหนึ่งในข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินพิธีการนำเข้าในสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้เป็นทางเลือกแทนชื่อเต็มและที่อยู่ของผู้ผลิต ผู้จัดส่ง หรือผู้ส่งออก และจำเป็นเสมอสำหรับการผ่านพิธีการศุลกากรอย่างเป็นทางการของสหรัฐอเมริกา รหัส MID จะต้องแสดงบนใบกำกับสินค้าเพื่อการนำเข้าสหรัฐอเมริกา
รหัส MID ใช้กับเอกสารที่นำเสนอต่อสำนักงานศุลกากรและพิทักษ์ชายแดนสหรัฐอเมริกา (CBP) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) และผู้รับสินค้า
สามารถดูรหัส HS ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องมีข้อมูลรหัส MID ได้ที่นี่
คำถามที่พบบ่อย 2: จะระบุสินค้าที่ควบคุมโดย FDA ได้อย่างไร
คุณสามารถค้นหาสินค้าที่ควบคุมโดย FDA ได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FDA ที่นี่
คำถามที่พบบ่อย 3: ฉันจะสร้างรหัสประจำตัวผู้ผลิต (รหัส MID) สำหรับการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและป้อนข้อมูลลงในเครื่องมือจัดส่งของ FedEx ได้อย่างไร
โปรดดูคู่มือทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีการใช้ ที่ศูนย์ข้อมูลภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกาได้ที่นี่
ภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ มีการปรับเปลี่ยนและมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
-
เหล็ก: ภาษีนำเข้าเหล็กจะถูกปรับขึ้นเป็นร้อยละ 25 สำหรับทุกประเทศ
-
อะลูมิเนียม: ภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมจะเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 25% สำหรับทุกประเทศ ยกเว้นรัสเซีย (ซึ่งอยู่ที่ 200%)
ประกาศดังกล่าวจะยุติการยกเว้นที่มีอยู่สำหรับการนำเข้าจากอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เม็กซิโก เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร
เหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าได้ตามสิทธิ์จะยังคงได้รับการปฏิบัติแบบ de minimis ต่อไป
ภาษีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การนำเข้าเหล็กดิบและอลูมิเนียมเป็นหลัก รวมถึงผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป เช่น แผ่นและแท่ง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการแปรรูปบางรายการอาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับระดับการแปรรูปและการจำแนกประเภทภายใต้ Harmonized Tariff Schedule ของสหรัฐอเมริกา (HTS)
นอกจากนี้ คำประกาศของประธานาธิบดีล่าสุดเกี่ยวกับเหล็กและอลูมิเนียมยังระบุถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและอลูมิเนียมอนุพันธ์ใหม่ๆ ที่จะรวมอยู่ในภาษีศุลกากรในอนาคตอีกด้วย
ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2567 รัฐบาลเม็กซิโกได้เผยแพร่กฎระเบียบในการปรับเปลี่ยนพิธีการศุลกากรแบบง่าย โดยเพิ่มข้อจำกัด เปลี่ยนและขยายข้อกำหนดเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรสำหรับพัสดุด่วนขาเข้าเม็กซิโก การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568
ข้อกำหนดสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจัดส่งไปยังเม็กซิโก:
-
การดำเนินพิธีการนำเข้าแบบง่ายสำหรับการจัดส่งด่วนมีไว้สำหรับการจัดส่งที่มีมูลค่าต่ำกว่า 2,500 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ในส่วนของการจัดส่งมูลค่า 1,000-2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะต้องให้ผู้รับลงทะเบียนผู้นำเข้า (Padrón de Importadores) ของ Tax Administration Service (www.sat.gob.mx)
-
ผู้ส่งสินค้าไปยังเม็กซิโกที่มีจุดประสงค์เพื่อดำเนินพิธีการทางศุลกากรภายใต้รายการแบบง่าย (Pedimento Clave T1) จะต้องให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดส่งของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำอธิบายที่ชัดเจนของสินค้าและชื่อเต็มของผู้รับ, ที่อยู่ที่สมบูรณ์, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเม็กซิกัน (RFC) และ หมายเลขประจำตัวประชาชน (CURP) โดยจำเป็นต้องระบุทั้ง RFC และ CURP เมื่อเตรียมการจัดส่ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับพัสดุที่ฝากขายให้กับชาวต่างชาติ (ที่ไม่ใช่พลเมืองเม็กซิกัน) อาจหมายรวมถึงหมายเลขประจำตัวอื่นๆ ที่ยอมรับได้: หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือหมายเลขประกันสังคม (SSN) ทั้งนี้การจัดส่งถึงผู้รับประเภทธุรกิจและนิติบุคคลในเม็กซิโกจะต้องระบุ RFC ของธุรกิจนั้นๆเสมอ ในขณะที่การจัดส่งถึงผู้รับประเภทบุคคลซึ่งเป็นพลเมืองเม็กซิกันที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะต้องระบุ CURP ของบุคคลนั้นด้วย การจัดส่งใดๆ ที่ไม่มีรายละเอียดข้างต้นจะถูกส่งคืนไปยังประเทศต้นทาง และเรียกเก็บเงินไปยังบัญชีของผู้จัดส่ง
-
คำอธิบายทั่วไปของสินค้าที่กำลังจัดส่ง (เช่น "เสื้อผ้า", "ของขวัญ", "รองเท้า" "XYZ" "SKU N° XXXXX" ฯลฯ) และชื่อผู้จัดส่งที่ไม่ถูกต้อง (เช่น "ไม่ทราบ" "X" ฯลฯ) เป็นสิ่งต้องห้ามโดยศุลกากรเม็กซิโก และอาจขัดขวางการเคลียร์พัสดุที่ต้องจัดส่ง
-
de minimis หรือมูลค่าขั้นต่ำไม่เกิน 50 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้รับการอนุโลมให้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้านั้นได้ถูกยกเลิกแล้ว
โปรดคลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบอื่น ๆ (ฉบับภาษาอังกฤษเท่านั้น)
เราขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ซึ่งเดิมกำหนดให้สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ได้รับการขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 และต่อเนื่องจนถึง 31 ธันวาคม 2568 กระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ดังนั้น สินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับสินค้าที่ซื้อจากร้านค้าในประเทศไทย
FedEx จะยังคงมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สำหรับสินค้านำเข้านี้เพื่อยื่นยังกรมศุลกากร ลูกค้าสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ได้ที่เว็บไซต์ของกรมศุลกากร หรือโทรสายด่วนหมายเลข 1164
ตรวจสอบหน้านี้สม่ำเสมอเพื่อดูข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับบริการของเรา หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายขายหรือทีมบริการลูกค้าของเรา
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย (อย.) ได้กำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับการนำเข้ายาและผลิตภัณฑ์ภายใต้การควบคุมของอย. เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม แม้กระทั่งสำหรับใช้ส่วนตัว โดยห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล่านี้หากไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ไม่ว่าคุณจะมีใบสั่งยาหรือใบรับรองแพทย์ก็ตาม นอกจากนี้ อย. ยังกำหนดให้ต้องมีใบรับแจ้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ (LPI) สำหรับทุกวัตถุประสงค์การนำเข้า รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ส่วนตัวด้วย ผู้นำเข้าต้องปฏิบัติตามปริมาณและระยะเวลาที่กำหนดใน LPI และต้องแน่ใจว่าได้ดำเนินพิธีการศุลกากรอย่างเป็นทางการ (Formal Clearance) กับ FedEx และกรมศุลกากรของไทย
เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ปรับปรุงใหม่อย่างเคร่งครัด และตรวจสอบว่าการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอย. ทั้งหมด รวมถึงอาหาร เครื่องสำอาง และยา เป็นไปตามกฎระเบียบที่ปรับปรุงใหม่นี้ โดยกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการออกใบอนุญาตและการผ่านพิธีการ อย.อย่างเคร่งครัด หากคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการยื่นขอ LPI หรือการดำเนินการทางศุลกากร ทีมสนับสนุนลูกค้าของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปที่เว็บไซต์ทางการของอย. และขอขอบคุณที่ให้ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้
เราขอเรียนแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับการอัปเดตที่สำคัญจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เกี่ยวกับข้อกำหนดในการนำเข้าสินค้า โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป สมอ. จะไม่ยกเว้นสินค้าที่นำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัวจากข้อกำหนดเรื่องการขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้า (LPI) ผู้ที่ทำการนำเข้าแม้จะเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว จะต้องขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้า (LPI) หากสินค้าดังกล่าวต้องได้รับใบอนุญาต
ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ตุ๊กตาขนยาว, ของเล่นตุ๊กตา, ตุ๊กตาสควิชชี่, เกมการ์ด, โมเดลและฟิกเกอร์, เครื่องขยายเสียง, ปลั๊กไฟ, โคมไฟ, ป้ายไฟ, ท่อไอเสีย, และหมวกกันน็อค เป็นต้น
ข้อกำหนดล่าสุดนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าที่เข้าสู่ประเทศผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าการจัดส่งของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดใหม่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าทางศุลกากร หากคุณมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือในการขอใบอนุญาตที่จำเป็น โปรดติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าของเรา
การแจ้งเตือนการหลอกลวงออนไลน์
การหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว มาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างว่าเป็นผู้ให้บริการจัดส่งและขอให้เหยื่อแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลหรือโอนเงินเพื่อให้ชำระภาษีศุลกากรหรือค่าธรรมเนียมการจัดส่งเพื่อรับพัสดุ การหลอกลวงอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับรายงานเมื่อเร็วๆ นี้มาจากผู้ขายออนไลน์ที่ทำผิดกฎหมายคือเสนอขายสินค้าในราคาที่ต่ำมาก และอ้างว่าสินค้าจะถูกจัดส่งโดยผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ จากนั้นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อซื้อสินค้าโดยเชื่อว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับสินค้านั้นๆ
โปรดใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคล และพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง
- FedEx Express และ TNT Express ประเทศไทย ไม่ติดต่อลูกค้าโดยใช้ระบบโทรอัตโนมัติ
- การจัดส่งของ FedEx มีหมายเลข Air Waybill 12 หลัก และ 9 หลักสำหรับการจัดส่งของ TNT คุณควรจะสามารถตรวจสอบการจัดส่งของคุณใน fedex.com หรือ tnt.com สำหรับสถานะการจัดส่งล่าสุดของคุณ
- หากจำเป็น โปรดติดต่อสายด่วนบริการลูกค้า FedEx หรือ TNT ของเราที่หมายเลข 1782 เพื่อยืนยันข้อมูลการจัดส่งของคุณก่อนทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของคุณ
- สำหรับ FedEx การชำระค่าขนส่ง ค่าอากรและภาษี และค่าธรรมเนียมอื่นๆ สามารถชำระด้วยเงินสด การโอนเงิน ออนไลน์ บัตรเครดิต และวิธีการอื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตตามที่ระบุไว้ในวิธีการชำระเงินของ FedEx [https://www.fedex.com/th-th/billing.html] ชื่อบัญชีธนาคาร FedEx สำหรับการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งคือ “FedEx Express International (Thailand) Limited”
- สำหรับ TNT การชำระค่าขนส่ง ค่าอากรและภาษี และค่าธรรมเนียมอื่นๆ สามารถชำระด้วยเงินสด การโอนเงิน ชื่อบัญชีธนาคาร TNT สำหรับการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งคือ “TNT Express Worldwide (Thailand) Co., Ltd”
- อย่าชำระเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หรือชำระไปยังบัญชีธนาคาร "ส่วนบุคคล" ใดๆ
- กระบวนการชำระอากรและภาษีของ FedEx และ TNT มีดังต่อไปนี้
- หากพัสดุนั้นจะต้องชำระอากร ภาษี และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอื่นๆ ก่อนการปล่อยของทางศุลกากร ลูกค้าจะได้รับแจ้งให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ FedEx หรือ TNT บัญชีใดบัญชีหนึ่งที่กล่าวถึงข้างต้นเท่านั้น
- หากพัสดุนั้นจะต้องชำระอากร ภาษี และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอื่นๆ หลังการปล่อยของทางศุลกากร ลูกค้าจะได้รับแจ้งให้ชำระเงินเมื่อได้รับพัสดุเท่านั้น
โปรดติดต่อสายด่วนบริการลูกค้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลหากคุณสงสัยว่ามีการหลอกลวง
- “@fedexthailand” เป็น LINE ID อย่างเป็นทางการของ FedEx Express ประเทศไทยเพียง ID เดียวเท่านั้น และมีสัญลักษณ์รูปโล่อยู่หน้าชื่อบัญชี ซึ่งแสดงว่าบัญชีนั้นได้รับการตรวจสอบและอนุมัติโดย LINE Thailand และเชื่อถือได้
- หากคุณถูกหลอกลวงหรือสงสัยว่ามีใครบางคนกำลังพยายามหลอกลวงคุณหรือคนที่คุณรู้จัก ให้แจ้งความเรื่องนี้กับตำรวจในท้องที่ของคุณ
มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับมิจฉาชีพหลอกลวงในสังคมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในยุคดิจิตอลที่มิจฉาชีพมักจะค้นหาช่องทางและวิธีการใหม่ๆ ในการหลอกลวงให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมีการสูญเสียเงินทองหรือข้อมูลส่วนบุคคล แอปพลิเคชั่นแชทของ LINE เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมและสะดวกสบายสำหรับเจ้าของธุรกิจ ซึ่งรวมถึง FedEx Express ประเทศไทย ที่ใช้ในการเชื่อมต่อและสื่อสารกับลูกค้า ดังนั้น โปรดใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว และพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง
- “@fedexthailand” เป็น LINE ID อย่างเป็นทางการของ FedEx Express ประเทศไทยเพียง ID เดียวเท่านั้น และมีสัญลักษณ์รูปโล่อยู่หน้าชื่อบัญชี ซึ่งแสดงว่าบัญชีนั้นได้รับการตรวจสอบและอนุมัติโดย LINE Thailand และเชื่อถือได้
- การชำระค่าขนส่ง ค่าอากรและภาษี และค่าธรรมเนียมอื่นๆ สามารถชำระด้วยเงินสด การโอนเงิน ออนไลน์ บัตรเครดิต และวิธีการอื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตตามที่ระบุไว้ในวิธีการชำระเงินของ FedEx ชื่อบัญชีธนาคาร FedEx สำหรับการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งคือ “FedEx Express International (Thailand) Limited” ห้ามชำระเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่นหรือบัญชีธนาคาร "ส่วนบุคคล" ใดๆ
- สามารถติดตามการจัดส่งของคุณใน fedex.com โดยใช้หมายเลขใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill) 12 หลัก เพื่อตรวจสอบสถานะหรือการอัพเดทใดๆ เกี่ยวกับการจัดส่งของคุณ
- ติดต่อสายด่วนบริการลูกค้า FedEx ที่ 1782 เพื่อตรวจสอบการจัดส่งของคุณในกรณีที่จำเป็น ก่อนทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งของคุณ
- หากคุณถูกหลอกลวงหรือสงสัยว่ามีใครบางคนกำลังพยายามหลอกลวงคุณหรือคนที่คุณรู้จัก ให้แจ้งความเรื่องนี้กับตำรวจในท้องที่ของคุณ
เราได้รับรายงานเกี่ยวกับอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่ามาจาก BillingOnline@fedex.com ข้อความเหล่านี้มักจะมีหัวข้อที่ไม่ชัดเจนในการอ้างอิงถึงใบแจ้งหนี้ (เช่น “ใบแจ้งหนี้ FedEx ของคุณพร้อมที่จะได้รับการชำระเงินแล้วในตอนนี้” “โปรดชำระเงินสำหรับยอดค้างชำระในใบแจ้งหนี้ FedEx ของคุณ” “ใบแจ้งหนี้ FedEx ใหม่” “ใบแจ้งหนี้ FedEx ของคุณพร้อมแล้ว” “ชำระเงินสำหรับใบแจ้งหนี้ FedEx ของคุณผ่านทางออนไลน์”)
หากคุณได้รับข้อความที่ตรงกับคำอธิบายนี้ กรุณาอย่าเปิดอีเมลหรือระบุข้อมูลส่วนตัว ลบอีเมลทันที
FedEx ไม่มีการจัดส่งอีเมลที่ไม่ได้ร้องขอให้แก่ลูกค้าเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ ใบแจ้งหนี้ เลขที่บัญชี รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนตัว
ไปที่ FedEx Trust Center ของเรา เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปกป้องตัวคุณบนระบบออนไลน์ คุณสามารถทำให้ประสบการณ์ออนไลน์ของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำง่ายๆ เพียงไม่กี่ข้อ
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลหลอกลวงอื่นๆ คุณสามารถไปยังเว็บไซต์สหรัฐอเมริกาของเราโดยการคลิกที่นี่
เราได้รับทราบว่าอีเมลหลอกลวงที่มีการใช้ชื่อ FedEx โดยไม่ได้รับอนุญาตได้แพร่กระจายไปยังลูกค้าของเราแล้ว อีเมลดังกล่าวอ้างว่าไม่สามารถจัดส่งสินค้าของ FedEx และขอให้ลูกค้าเปิดไฟล์แนบเพื่อพิมพ์ออกมาและนำไปยังหน่วยงานของ FedEx เพื่อรับพัสดุ
ลูกค้าจำเป็นต้องทราบว่านี่เป็นคำขอที่หลอกลวงและไฟล์แนบของอีเมลนี้มีไวรัสอยู่ หากคุณได้รับอีเมลหลอกลวงเหล่านี้ โปรดอย่าเปิดเอกสารแนบแต่ให้ลบอีเมลทันที
FedEx ไม่ร้องขอการชำระเงินหรือข้อมูลส่วนตัวเพื่อแลกกับสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งหรือในการดูแลของ FedEx ผ่านจดหมายหรืออีเมลที่ไม่พึงประสงค์
หากคุณได้รับอีเมลหลอกลวงซึ่งอ้างว่ามาจาก FedEx และประสบกับผลลัพธ์ที่ทำให้สูญเสียเงิน โปรดติดต่อสถาบันการเงินของคุณผ่านช่องทางที่เหมาะสมทันที
*FedEx จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือหลอกลวงที่ใช้ชื่อ เครื่องหมายบริการและโลโก้ของ FedEx ในทางมิชอบ
เหตุขัดข้องในการให้บริการ
มีผลทันที บริการของ FedEx ไปยังและจากปารากวัยถูกระงับชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เราจะกลับมาให้บริการอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
คุณสามารถติดตามข้อมูลล่าสุดได้ที่ fedex.com
มีผลทันที การให้บริการ FedEx International Economy® จากจีนไปยังบางประเทศที่กำหนดในตะวันออกกลางและแอฟริกาจะถูกระงับจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป เนื่องจากปัจจัยหลายประการ
เราขอแนะนำให้ลูกค้าใช้บริการ FedEx International Priority2 สำหรับการจัดส่งจากจีนไปยังจุดหมายปลายทางเหล่านี้เป็นทางเลือก
การมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก และเราขออภัยในความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้น
ด้านล่างนี้คือรายชื่อประเทศที่รวมอยู่ในการระงับจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป:
ประเทศปลายทาง |
บริการ |
แองโกลา บูร์กินาฟาโซ บุรุนดี เบนิน แอลจีเรีย คองโก คองโก (สาธารณรัฐประชาธิปไตย), โกตดิวัวร์ แคเมอรูน จิบูตี ลิเบีย เอธิโอเปีย กาบอง กานา แกมเบีย กินี โมร็อกโก ตูนิเซีย ไลบีเรีย เลโซโท มาดากัสการ์ มาลี มอริเตเนีย มอริเชียส โมซัมบิก ไนเจอร์ เรอูนียง รวันดา เซเชลส์ เซเนกัล โตโก แทนซาเนีย ยูกันดา ซิมบับเว ชาด |
FedEx International Economy® |
แองโกลา บุรุนดี แอลจีเรีย ลิเบีย เอธิโอเปีย กานา โมร็อกโก ตูนิเซีย มอริเชียส โมซัมบิก แทนซาเนีย ยูกันดา ซิมบับเว |
FedEx International Economy® Freight |
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายขายหรือทีมบริการลูกค้าของเรา
1บริการ FedEx International Economy® ได้แก่ FedEx International Economy®, FedEx International Economy® Freight และ FedEx International Economy® DirectDistribution
2บริการ FedEx International Priority® ได้แก่ FedEx International Priority®, FedEx International Priority® Express, FedEx International Priority® Freight และ FedEx International Priority® DirectDistribution
บริการ FedEx International Priority ทั้งขาเข้าและขาออก จากและไปยังยูเครนได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง โดยครอบคลุมพื้นที่ไปรษณีย์ส่วนใหญ่ของยูเครน บริการเข้ารับและส่งมอบจะดำเนินการตามคำแนะนำของหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งจะอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยและจัดส่งได้
บริการ FedEx International ของรัสเซียและเบลารุสทั้งหมดจะยังคงระงับจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
ตรวจสอบหน้านี้อย่างต่อเนื่องเพื่อดูการอัปเดตบริการ สำหรับข้อมูลสถานะการจัดส่งที่เฉพาะเจาะจง โปรดติดตามการจัดส่งของคุณที่ fedex.com



สมัครเพื่อรับข่าวสารทางอีเมลจาก FedEx
อีเมลเป็นช่องทางที่ดีในการรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข่าวสารล่าสุดที่อาจส่งผลกระทบต่อพัสดุของคุณ และช่วยให้คุณทันต่อเหตุการณ์เสมอด้วยข้อเสนอพิเศษ



เป็นสมาชิกอยู่แล้วหรือไม่
คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าอีเมลได้ตลอดเวลา เพิ่มและลบสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป หรือยกเลิกสมาชิก